Friday 29 July 2011

พระอนุพุทธ พระอัญญาโกณฑัญญะ ตอนที่ ๒



สวัสดีครับ บล็อกพระอนุพุทธวันนี้ ก็จะพูดถึงเรื่องของพระอัญญาโกณฑัญญะต่อจากตอนก่อนครับ

หลังจากท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ และปัญญจวคีย์ได้บรรลุอรหัตผล เป็นพระอรหันต์แล้ว พระบรมศาสดาได้ให้ท่านทั้งหลายออกไปแผยแผ่คำสั่งสอนของพระองค์ ให้ประชาชนทั้งหลาย จนทำให้มีผู้เกิดศรัทธา เข้ามาบวชเป็นภิกษุมากมาย

และในเวลาต่อมา สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค เสด็จถึงพระเชตวันมหาวิหาร สถิตอยู่ ณ ที่นั้น ประทับบนพระพุทธอาสน์อย่างดีที่เขาจัดไว้แล้ว ทรงแสดงธรรมท่ามกลางภิกษุสงฆ์เพื่อทรงแสดงว่า โกณฑัญญะ บุตรเราเป็นยอดระหว่างเหล่าภิกษุผู้แทงตลอดธรรมก่อนใคร จึงทรงสถาปนาท่านไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะในทาง "รัตตัญญู" แปลว่า"ผู้รู้ราตรี" หมายความว่า ผู้รู้กาลนาน, ผู้มีอายุมาก จำกิจการต่างๆ ได้มาก

เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เนื่องในอดีตกาลล่วงมาแล้วถึง๑๐๐,๐๐๐กัปป์  สมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระนามว่า ปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นในโลก มีภิกษุแสนรูปเป็นบริวาร เสด็จเที่ยวภิกษาในเมืองน้อยใหญ่ต่าง ๆ เพื่อสงเคราะห์มหาชน ครั้นเมื่อเสด็จถึงกรุง หังสวดี มหาราชาผู้เป็นพระพุทธบิดาทรงทราบข่าวว่า พระศาสดานั้นเสด็จมา จึงได้เสด็จออกไปต้อนรับ

พระศาสดาได้ตรัสธรรมกถาแด่พระพุทธบิดา จบเทศนา บางพวกเป็นพระโสดาบัน บางพวกเป็นพระสกทาคามี บางพวกเป็นพระอนาคามี บางพวกบรรลุพระอรหัต พระราชาทรงนิมนต์พระทศพล เพื่อเสวยภัตตาหารและถวายมหาทานในพระราชนิเวศน์ของพระองค์แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีภิกษุแสนรูปเป็นบริวารในวันรุ่งขึ้น  พระศาสดาทรงกระทำภัตตานุโมทนาแล้วเสด็จไปพระวิหารตามเดิม โดยการถวายทานนั้น ได้ถวายทานตลอดกาลยืดยาวนาน สลับกันไปกับชาวเมือง เมื่อวันรุ่งขึ้นมหาราชาถวาย วันต่อมา ก็เป็นบรรดาชาวเมืองถวาย

ในครั้งนั้น พระเถระอัญญาโกณฑัญญะนี้ บังเกิดในตระกูลคฤหบดีมหาศาล กรุงหังสวดี วันหนึ่ง ในเวลาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม  ท่านเห็นชาวกรุงหังสวดีต่างถือของหอมและดอกไม้เป็นต้นเพื่อนำไปบูชาคารวะแด่พระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ ท่านจึงได้ตามไปยังที่แสดงธรรม พร้อมกับมหาชนนั้น สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า พระปทุมุตตระ ทรงสถาปนาภิกษุรูปหนึ่งผู้แทงตลอดธรรมก่อนในพระศาสนาของพระองค์ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ พระเถระในสมัยที่เป็นกุลบุตรนั้นได้สดับเหตุนั้นแล้วคิดว่า  ภิกษุนี้ช่างเป็นผู้ยิ่งใหญ่จริง ได้ยินว่า เว้นพระพุทธเจ้า ผู้อื่นชื่อว่าผู้รู้แจ้งแทงตลอดธรรมก่อนภิกษุนี้ ย่อมไม่มี แม้ตัวเราเองก็อยากเป็นผู้สามารถรู้แจ้งแทงตลอดธรรมก่อนผู้ใด ในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต

ครั้นเมื่อจบพระธรรมเทศนา จึงเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า นิมนต์ว่า พรุ่งนี้ขอพระองค์โปรดทรงรับภิกษาของข้าพระองค์ พระศาสดาทรงรับนิมนต์แล้ว กุลบุตรนั้นถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วกระทำประทักษิณ แล้วก็จากไปยังที่อยู่ของตน จากนั้นได้ตกแต่งประดับที่ประทับนั่งสำหรับพระพุทธเจ้า ด้วยของหอมและพวงมาลัยเป็นต้น ให้จัดของควรเคี้ยวและควรบริโภคอันประณีต ตลอดคืนยังรุ่ง

ในเช้าวันต่อม่ากุลบุตรนั้นได้ถวายข้าวสาลีหอมมีแกงและกับข้าวต่างๆ รส มีข้าวยาคูและของเคี้ยวอันวิจิตรเป็นบริวาร แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีภิกษุ ๑๐๐,๐๐๐ รูปเป็นบริวาร ในที่อยู่ของตน ในเวลาเสร็จภัตกิจ ได้วางผ้าคู่พอทำจีวรได้สามผืน ใกล้พระบาทของพระตถาคต คิดว่า

เราไม่ได้ขอเพื่อประโยชน์แก่ตำแหน่งเล็กน้อย เราปรารถนาตำแหน่งใหญ่จึงขอ แต่เราไม่อาจให้ทานเพียงวันเดียวเท่านั้นแล้วปรารถนาตำแหน่งนั้น  เราจักถวายทานตลอด ๗ วัน ติดต่อกันไป แล้วจึงจักปรารถนา

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาจึงถวายมหาทาน ๗ วัน ในเวลาเสร็จภัตกิจ ได้ให้เปิดคลังผ้าวางผ้าเนื้อละเอียดอย่างดีเยี่ยม ไว้ใกล้พระบาทแห่งพระพุทธเจ้า ให้ภิกษุ ๑๐๐,๐๐๐ รูปครองไตรจีวรแล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท้าย ๗ วันแต่วันนี้ ขอข้าพระองค์พึงเป็นผู้สามารถบวชในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้จะอุบัติในอนาคต แล้วรู้แจ้งได้ก่อนเหมือนภิกษุนี้ แล้วหมอบศีรษะลงใกล้พระบาทของพระศาสดา

พระศาสดาทรงสดับคำนั้นแล้ว ทรงส่งอนาคตังสญาณไปตรวจดูว่า กุลบุตรนี้ได้กระทำบุญญาธิการไว้มาก ความปรารถนาของเธอจักสำเร็จไหมหนอ

จริงอยู่ เมื่อพระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงรำพึงถึงอดีต อนาคตหรือปัจจุบัน ย่อมไม่มีอะไรขัดขวางเลย. เหตุที่เป็นอดีตหรือเหตุที่เป็นอนาคต ที่เป็นไปในภายในระหว่างแสนโกฏิกัปเป็นอันมากก็ดี ปัจจุบันระหว่างแสนจักรวาลก็ดี ย่อมเนื่องด้วยการนึก เนื่องด้วยมนสิการทั้งนั้น

พระผู้มีพระภาคเจ้านี้ได้ทรงเห็นเหตุนี้ ด้วยญาณที่ไม่มีใครๆ ให้เป็นไปได้ว่า ในอนาคต ในที่สุดแสนกัป พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคตมะ  จักอุบัติขึ้นในโลก ครั้งนั้น ความปรารถนาของกุลบุตรนี้จักสำเร็จ

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับกุลบุตรนั้นอย่างนี้ว่า ดูก่อนกุลบุตรผู้เจริญ ในอนาคต ในที่สุดแสนกัป พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าโคตมะ จักอุบัติขึ้นในโลก ท่านจักดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล อันถึงพร้อมด้วยนัยพันนัย พร้อมด้วยพรหม ๑๘ โกฏิ เวลาจบ พระธรรมจักกัปปวัตตนสูตร อันมีวนรอบ ๓ ด้วยการแสดงธรรมครั้งแรกของพระโคดมพุทธเจ้านั้น

พระศาสดาครั้นทรงพยากรณ์กุลบุตรนั้นดังนี้แล้ว ก็ทรงแสดงพระธรรมเทศนา ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เมื่อแสดงธรรมจบแล้วก็เสด็จดับขันธปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ, สรีระของพระองค์ผู้ปรินิพพานแล้ว ได้เป็นแท่งอันเดียวกัน เหมือนก้อนทองฉะนั้น

ชนทั้งหลายได้สร้างเจดีย์บรรจุพระสรีระของพระองค์สูง ๗ โยชน์ อิฐทั้งหลายล้วนแล้วด้วยทองคำ ชนทั้งหลายใช้หรดาลและมโนสิลาแทนดินเหนียว ใช้น้ำมันงาแทนน้ำ ในเวลาที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายยังทรงพระชนม์อยู่รัศมีแห่งพระสรีระแผ่ไป ๑๒ โยชน์ ก็เมื่อพระพุทธเจ้าทั้งหลายปรินิพพานแล้ว รัศมีนั้นสร้านออกปกคลุมที่ร้อยโยชน์โดยรอบเลยทีเดียว
ส่วนกุลบุตรนั้นให้สร้างของที่มีค่าเท่ารัตนะพันดวงล้อมเจดีย์บรรจุพระสรีระของพระพุทธเจ้า  กุลบุตรนั้นกระทำกัลยาณกรรม ล้วนแล้วด้วยทานใหญ่โตถึงแสนปี เมื่อตายจากอัตภาพนั้นแล้ว ก็บังเกิดในสวรรค์

No comments:

Post a Comment